ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสารสนเทศ
สังคมในปัจจุบันนี้เป็นยุคข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคของสังคมสารสนเทศ มีการศึกษา ค้นคว้า วิจัยและทดลองเป็นอย่างมากจึงทำให้เกิดความต้องการใช้สารสนเทศในการค้นคว้า ศึกษาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เอื้ออำนวยต่อความต้องการจึงเพิ่มปริมาณสารสนเทศอย่างรวดเร็ว
ความหมายของสารสนเทศ
สารสนเทศหรือสารนิเทศ (Information) ซึ่งให้ความหมายอย่างกว้างๆว่า หมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ เรื่องราว ข้อเท็จจริงหรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ความหมายในเชิงลึกของสารสนเทศหรือสารนิเทศยังหมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ที่ผ่านการประมวลผล และนำไปใช้ในการตัดสินใจ ซึ่งมีความหมายและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือการทำงานนั้นๆได้
และตอนนี้ยังชี้ให้เห็นว่าสารสนเทศ คือข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ข้อสนเทศ สารสเทศ ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์ โสตทัศนวัสดุ และวัสดุย่อส่วน เพื่อใช้ประโยชน์ทางการสื่อสารและพัฒนาด้านต่างๆทั้งส่วนบุคคลและสังคม
สารสนเทศจึงจัดได้ว่าเป็นข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงให้อยู่ในสภาพในการนำไปใช้ประโยชน์กับผู้ใช้เฉพาะราย ซึ่งเป็นการจัดการเพื่อให้ผู้ได้รับข้อมูลข่าวสารมีการเพิ่มพูลความรู้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้รูปแบบต่างๆที่มีการบันทึกประมวลผลหรือดำเนินการวิธีใดๆและสามารถนำไปแพร่และใช้ประโยชน์
สารสนเทศ จึงหมายถึง ข้อมูล ข่าวสาร ที่ได้มีการจัดการไม่ว่าจะเป็นการคิด คำนาณ ประมวลผล เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ ได้มีการคัดสรรและนำไปใช้ให้ทันต่อความต้องการในการใช้งาน และทันเวลา
ความสำคัญของสารสนเทศ
สารสนเทศเป็นปัจจัยสำคัญในโลกปัจจุบันนี้เพราะการกำหนดแนวทางการพัฒนา นโยบายทางด้านการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สังคม และวัฒนธรรมมีความสำคัญต่อการพัฒนามนุษย์และสังคม เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจอันที่จะนำไปใช้ประโชน์ในการดำเนินชีวิตทั้งในด้านการงานนั้นๆ อีกทั้งเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา ช่วยในการวางแผน และช่วยในการตัดสินใจ
การเข้าถึงสารสนเทศของยุคสังคมข่าวสารที่มีความเกี่ยงข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นในการทำงานและการเรียนรู้นั้นจะมีการเข้าถึงสารสนเทศโดยระบบเครือข่าย การติดต่อสื่อสารผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดทั้งการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารบนระบบอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ต่างๆ
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่แพร่หลายในสังคมสารสนเทศที่เน้นคุณค่าเน้นคุณภาพของข้อมูล ข่าวสาร มีการจัดการและการใช้ประโยชน์ มีการพัฒนา วิจัย เพื่อค้นหาข้อมูลข่าวสาร สาเหตุของสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดข้อมูลข่าวสารใหม่ๆที่มีความสำคัญต่อการวิจัยและการพัฒนาต่อไป
รัฐบาลต้องการสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ประกอบการวินิจฉัยสั่งการและวางแผนงานเพื่อการพัฒนาประเทศให้มีความรุ่งเรือง ทันสมัย ในวงการธุรกิจ สารสนเทศเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการดำเนินงานประจำวันโลกธุรกิจ และวงการอาชีพช่วยในการตัดสินใจ การปฏิบัติงานประจำวันการวางแผนการคาดการณ์สำหรับอนาคต
วงการการศึกษาและวิจัย สารสนเทศเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยในการพัฒนาความรู้ ความเชี่ยวชาญ ทางด้านวิชาการและเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเรียน การสอน การค้นคว้า วิจัยของนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ นักวิชาการ และนักวิจัย เป็นต้น
จะเห็นได้ชัดเจนว่าสารสนเทศเป็นรากฐานที่สำคัญยิ่งในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน องค์กรของภาครัฐบาล และเอกชน การศึกษาและวิจัย แม้แต่บุคคลทั่วไป ซึ่งจะทำให้เกิดแนวคิด แนวทางใหม่ๆ เพื่อให้เกิดความรู้ นำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไป
ประเภทของสารสนเทศ
การจำแนกประเภทของสารสนเทศตามแหล่งสารสนเทศและตามสื่อสารสนเทศที่จัดเก็บออกเป็น ดังนี้
1.สารสนเทศจำแนกตามแหล่งสารสนเทศ เป็นการจำแนกสารสนเทศตามการรวบรวมหรือจัดกระทำกับสารสนเทศ จำแนกได้ดังนี้
1.1 แหล่งปฐมภูมิ (Primary Source) คือ สารสนเทศที่ได้มาจากแหล่งสารสนเทศโดยตรง เป็นสารสนเทศทางวิชาการ ศึกษาค้นคว้า รายงาน วิจัย การค้นพบทฤษฎีใหม่ๆเพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมที่เชื่อถือได้ สารสนเทศประเภทนี้มักจะถูกถ่ายทอดออกมาในลักษณะของสิ่งพิมพ์ เช่น วารสาร รายงานการวิจัย สิทธิบัตร เอกสารมาตรฐานต่างๆ และการถ่ายทอกทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น วารสารอิเล็กทรอนิก เป็นต้น
1.2 แหล่งทุติยภูมิ (Secondary Source) คือ สารสนเทศที่มีการรวบรวม เรียบเรียงขึ้นใหม่จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ มักจะอยู่ในรูปแบบการสรุป ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ เพื่อประโยชน์และสามารถให้ข้อมูลในการเข้าถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ได้แก่ วารสาร ตำรา ที่รวบรวมเนื้อหาวิชาการในการเรียนการสอน สารานุกรม รายงานสถิติต่างๆดรรชนีและสาระสังเขป
1.3 แหล่งตติยภูมิ (Tertiary Source) คือ สารสนเทศที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการค้นหาสารสนเทศจากแหล่งปฐมภูมิและทุติยภูมิ จะไม่ค่อยได้เนื้อหาสาระโดยตรง แต่จะมีประโยชน์ในการค้นหาสารสนเทศที่ให้ความรู้เฉพาะสาขาวิชา ได้แก่ บรรณานุกรม นามานุกรม ด้วยความก้าวหน้าทางด้นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มักจะออกนำเผยแพร่ในรูปแบบของ CD-ROM ฐานข้อมูลออฟไลน์
1.2 แหล่งทุติยภูมิ (Secondary Source) คือ สารสนเทศที่มีการรวบรวม เรียบเรียงขึ้นใหม่จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ มักจะอยู่ในรูปแบบการสรุป ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ เพื่อประโยชน์และสามารถให้ข้อมูลในการเข้าถึงได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ได้แก่ วารสาร ตำรา ที่รวบรวมเนื้อหาวิชาการในการเรียนการสอน สารานุกรม รายงานสถิติต่างๆดรรชนีและสาระสังเขป
1.3 แหล่งตติยภูมิ (Tertiary Source) คือ สารสนเทศที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการค้นหาสารสนเทศจากแหล่งปฐมภูมิและทุติยภูมิ จะไม่ค่อยได้เนื้อหาสาระโดยตรง แต่จะมีประโยชน์ในการค้นหาสารสนเทศที่ให้ความรู้เฉพาะสาขาวิชา ได้แก่ บรรณานุกรม นามานุกรม ด้วยความก้าวหน้าทางด้นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มักจะออกนำเผยแพร่ในรูปแบบของ CD-ROM ฐานข้อมูลออฟไลน์
2. สารสนเทศจำแนกตามสื่อที่จัดเก็บ เป็นการจำแนกสารสนเทศตามชนิดของสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ได้แก่ กระดาษ วัสดุย่อส่วน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่อแสง
2.1 กระดาษ เป็นสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล สารสนเทศ ที่ใช้ง่ายต่อการบันทึก รวมทั้งการเขียนและการพิมพ์ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันจนถึงปัจจุบัน
2.2 วัสดุย่อส่วน เป็นสื่อที่ถูกสำเนาย่อส่วนลงบนแผ่นฟิลม์ชนิดต่างๆทั้งที่เป็นม้วนและเป็นแผ่น เช่น เอกสารจดหมายเหตุ หนังสือพิมพ์ เอกสารสำคัญ วิทยานิพนธ์ เป็นต้น
2.3 สื่ออิเล็กทรอนิกหรือสื่อแม่เหล็ก เป็นวัสดุสังเคราะห์เครือบด้วยสารแม่เหล็ก สามารถบันทึกและแก้ไขข้อมูลได้สะดวกทั้งข้อมูลที่เป็นแอนาล็อก และดิจิตอล เช่น เทปบันทึกเสียง ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
2.4 สื่อแสงหรือสื่อออปติก (Optical Media) เป็นสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลและอ่านข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์ เช่น CD-ROM DVD เป็นต้น ซึ่งมีความจุมากเป็นพิเศษ
คุณสมบัติของสารสนเทศ
สารสนเทศมีความจำเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อประโยชน์ในการใช้งานสารสนเทศ จึงต้องมีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ดีของสารสนเทศ ได้ดังนี้
1. สามารถเข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) หมายถึง ความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงสารสนเทศ การสืบค้นข้อมูล เพื่อนำสารสนเทศไปใช้ในการประกอบการตัดสินใจ
2. มีความถูกต้อง (Accurate) สารสนเทศที่ดีต้องมีความเที่ยงตรง และเชื่อถือได้ โดยมีความคาดเคลื่อนน้อยที่สุดหรือไม่มีความคาดเคลื่อนเลย เป็นที่ยอมรับ ถูกต้องและพิสูจน์ได้ เช่น สารสนเทศที่ดีต้องไม่นำเอาข้อมูลที่มีความผิดพลาดเข้าสู่ระบบ เพราะเมื่อนำไปประเมินผลแล้วจะทำให้ได้สารสนเทศที่ผิดพลาดตามไปด้วย เป็นต้น
3. มีความครบถ้วน (Completeness) สารสนเทศที่ดีต้องมีความสมบูรณ์ที่ช่วยในการตัดสินใจด้วยความถูกต้อง เช่น การกำหนดราคาสินค้า หากขาดหรือผิดพลาดในด้านใดด้านหนึ่งก็จะทำให้มีการคำนวณต้นทุนผิดพลาด ซึ่งการกำหนดราคาสินค้าก็ผิดพลาดไปด้วย
4.ความเหมาะสม (Appropriateness) ควรมีการพิจารณาถึงการได้รับสารสนเทศตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากน้อยเพียงใด หากสารสนเทศที่ได้รับไม่ตรงกับความต้องการก็คงไม่เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะการผลิตสารสนเทศที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
5. ความทันต่อเวลา (Timeliness) สารสนเทศที่ได้รับต้องทันต่อเวลาการใช้งาน หมายความว่าสารสนเทศต้องมีความรวดเร็ว มีการประมวลผล เพราะสารสนเทศต้องมีระยะเวลาสั้น เพื่อผู้ใช้จะได้รับสารสนเทศได้ทันเวลา
6. ความชัดเจน (Clarity) คือ สารสนเมศที่ไม่ต้องมีการตีความ ไม่กำกวม เข้าใจง่าย ไม่คลุมเครือ และไม่ต้องหาคำตอบเพิ่มเติม
7. ความยืดหยุ่น (Flexibility) เป็นการปรับใช้สารสนเทศในหลายสถานการณ์ หรือเป็นสารสนเทศที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้อย่างกว้างขวาง มากกว่าการเป็นสารสนเทศที่เป็นเฉพาะบุคคล
8. ความสามารถในการพิสูจน์ได้ (Verifiability) โดยขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของสารสนเทศในการรับผิดชอบในการผลิต หมายความว่าสารสนเทศนั้นสามารถพิสูจน์หรือตรวจสอบได้ว่าเป็นความจริง
9. ความซับซ้อน (Redundancy) มีความซับซ้อนของสารสนเทศที่ได้รับ หรือมีมากเกินความจำเป็น ดังนั้นสารสนเทศที่ดีต้องไม่มีความซับซ้อน
10. ความไม่ลำเอียง (Bias) ไม่มีเจตนาเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขสารสนเทศที่ผลิตขึ้นตามที่ได้กำหนดหรือหาข้อยุติไว้ล่วงหน้าแล้ว
แหล่งสารสนเทศและทรัพยากรสารสนเทศ
แหล่งสารสนเทศ หมายถึง แหล่งที่เกิด แหล่งที่จัดเก็บ แหล่งที่ผลิตและให้บริการทรัพยากรสารสนเทศ โดยแบ่งได้ 6 เหล่า ดังนี้
1. แหล่งสารสนเทศที่เป็นบุคคล ได้แก่ ผู้ที่ใช้สารสนเทศค้นคว้าด้วยตัวเอง ผู้เชี่ยวชาญ ผู้รอบรู้ในวิชาต่างๆ เช่น นักบวช กวี ศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
2. แหล่งสารสนเทศที่เป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ได้แก่ งานมหกรรม งานบุญประเพณี การประชุมสัมมนาในเรื่องต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแหล่งสารสนเทศและจักเป็นแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ
3. แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถานที่ คือ เป็นสถานที่จริงหรือสถานที่จำรอง เช่น ปราสาทหินพิมาย ไร่นาสวนผสม เมืองโบราณ ไร่ทุเรียน เป็นต้น แหล่งสารสนเทศประเภทนี้เป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าอย่างยิ่ง ซึ่งจะได้รับประสบการณ์โดยตรง หรือผู้ใช้สารสนเทศสามารถใช้สารสนเทศในรูปแบบของวัสดุตีพิมพ์หรือไม่ตีพิมพ์ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้สารสนเทศโดยตรง
4. แหล่งสารสนเทศที่เป็นสถาบัน หมายถึง สถานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ รวบรวม จัดหาวัสดุสารสนเทศชนิดต่างๆไว้อย่างเป็นระบบ เช่น ห้องสมุด สำนักวิทยบริการ ศูนย์สารสนเทศ และศูนย์วัฒนธรรม เป็นต้น
5. แหล่งสารสนเทศที่เป็นสื่อมวลชน ซึ่งเป็นแหล่งที่เผยแพร่สารสนเทศ ที่เป็นข่าวสาร เหตุการณ์ โดยเน้นความทันสมัย เป็นการกระจายในรูปแบบของภาพ เสียง ตัวอักษร โดยผ่านสื่อประเภทวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์
6. แหล่งสารสนเทศที่เป็นอินเทอร์เน็ต เป็นแหล่งสารสนเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวกับการศึกษาค้นคว้ามากมาย จึงทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งสารสนเทศที่มีความสำคัญ เช่น บริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล บริการไปรษณีอิเล็กทรอนิกส์ การบริการเวิลด์ไวด์เว็บ การสนทนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และสังคมออนไลน์ เป็นต้น
ทรัพยากรสารสนเทศ
ทรัพยากรสารสนเทศ หมายถึง วัสดุหรือสื่อที่ใช้ในการบันทึก ข่าวสาร ข้อมูล สารสนเทศ ความรู้และความคิดต่างๆ หรือเรียกได้ว่า วัสดุสารสนเทศ แบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
1. ทรัพยากรตีพิมพ์ (Printed Materials) มีลักษณะเป็นแผ่น หรือรูปเล่ม มีหลากหลายรูปแบบ เช่น วารสาร หนังสือ หนังสือพิมพ์ จุลสาร และกฤตภาค เป็นต้น เป็นการรับรู้สารสนเทศโดยตรงและง่ายจากทรัพยากรประเภทนี้
2. ทรัพยากรไม่ตีพิมพ์ (Non-print Material) คือ มีความแตกต่างจากทรัพยากรตีพิมพ์ที่ให้สารสนเทศ โดยทรัพยากรไม่ตีพิมพ์นี้ให้ความรู้ผ่านประสาทสัมผัส ทางหู ทางตา ด้วยการดูและฟัง ทำให้สื่อความหมายเข้าใจง่าย การรับรู้สารสนเทศจากทรัพยากรประเภทนี้จึงต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์เฉพาะทรัพยากรชนิดนั้นๆ เพื่อรับรู้สารสนเทศตามความต้องการ ได้ดังนี้
-ทัศนวัสดุ เป็นทรัพยากรที่ใช้ในการมองเห็นหรือสัมผัสเพื่อรับรู้สารสนเทศโดยการดู เช่น แผนที่ ภาพเลื่อน หุ่นจำลอง ของจริง เป็นต้น
-โสตวัสดุ เป็นวัสดุสารสนเทศที่รับรู้สารสนเทศด้วยการฟัง ได้แก่ เทปเสียง รายการวิทยุกระจายเสียง เป็นต้น
- โสตทัศนวัสดุ เป็นวัสดุสารสนเทศที่ให้เสียง และภาพเคลื่อนไหว ได้แก่ ภาพยนตร์ วิดิทัศน์ และรายการโทรทัศน์ เป็นต้น
3.สื่ออิเล็กททรอนิกส์ (Electronic Materials) หมายถึง การจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศที่อยู่ในรูปของ ดิจิทัล (Digital) ซึ่งเป็นสัญญานไฟฟ้าในระบบคอมพิวเตอร์นั่นเอง สามารถบันทึกสารสนเทศได้ทั้งตัวอักษร ตัวเลข ภาพนิ่ง สัญลักษณ์ ภาพเคลื่อนไหว ได้แก่
-ฐานข้อมูลออฟไลน์ เป็นสารสนเทศที่สื่อสารกันได้เฉพาะคอมพิวเตอร์ เครื่องหนึ่งเครื่องใดเท่านั้น เช่น แผ่นซีดี แผ่นดิสก์เก็ต หรือ รีมูฟเอเบิลไดรว์ แล้วจึงนำสื่อนั้นไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆได
-ฐานข้อมูลออนไลน์ เป็นแหล่งสารสนเทศที่มีการรวบรวมอย่างเป็นระบบ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ในการจัดเก็บและค้นหาสารสนเทศ โดนในปัจจุบันนี้ระบบที่ใช้กันในชีวิตประจำวันก็คืออินเทอร์เน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น